CYTOKINES คืออะไร
ไซโตไคน์ (CYTOKINES) เป็นกลุ่มโปรตีนที่เซลล์หลั่งออกมาเพื่อใช้สื่อสารให้เซลล์ในระบบเดียวกันทำงานตามหน้าที่และทำงานร่วมกับเซลล์ระบบอื่น ๆ ได้
ไซโตไคน์ส่วนใหญ่มักหลั่งจากระบบภูมิคุ้มกันเพื่อส่งสัญญาณให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทำงานร่วมกันในการทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรค สิ่งแปลกปลอม สารก่อภูมิแพ้ และควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
CYTOKINES คืออะไร
ไซโตไคน์ (CYTOKINES) เป็นกลุ่มโปรตีนที่เซลล์หลั่งออกมาเพื่อใช้สื่อสารให้เซลล์ในระบบเดียวกันทำงานตามหน้าที่และทำงานร่วมกับเซลล์ระบบอื่น ๆ ได้
ไซโตไคน์ส่วนใหญ่มักหลั่งจากระบบภูมิคุ้มกันเพื่อส่งสัญญาณให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทำงานร่วมกันในการทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรค สิ่งแปลกปลอม สารก่อภูมิแพ้ และควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
ไซโตไคน์จากระบบภูมิคุ้มกันที่หลั่งออกมานี้ยังมีฤทธิ์ต่อการทำงานของระบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้มีไข้ เบื่ออาหาร เวลาที่ร่างกายติดเชื้อ ออกฤทธิ์ต่อระบบหัวใจหลอดเลือดทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้เซลล์อื่น ๆ เช่น เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด เซลล์ระบบประสาท เซลล์ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เซลล์ระบบประสาท ก็หลั่งไซโตไคน์ได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อไซโตไคน์จับกับตัวรับที่จำเพาะที่อยู่บนเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย จะทำให้เกิดการกระตุ้นการส่งสัญญาณให้เซลล์ทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม
CYTOKINES สำคัญอย่างไรต่อสุขภาพ
โดยปกติเมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรค หรือ เกิดบาดแผล หรือ มีการตายของเซลล์ จะเกิดการกระตุ้นเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันให้หลั่งไซโตไคน์ที่ก่อการอักเสบ (pro-inflammatory cytokines) ออกมาก่อน เพื่อทำลายเชื้อโรค กําจัดเซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือตาย หลังจากนั้นจะมีการหลั่งไซโตไคน์ที่ช่วยต้านการอักเสบ (anti–inflammatory cytokines) ตามมา เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อให้กลับมาทํางานเป็นปกติ
ขบวนการอักเสบนี้จำเป็นต้องมีความสมดุล และพอดี เพราะถ้าเกิดการอักเสบรุนแรง มีการหลั่งไซโตไคน์ออกมามากเกินไป เช่น ภาวะ cytokine storm ที่พบในการติดเชื้อโควิด ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้
กรณีที่มีเชื้อโรคแอบแฝงตกค้าง สารพิษโลหะหนัก สารเคมีต่าง ๆ อนุมูลอิสระ หรือ ภาวะที่เกิดจากการเผาผลาญที่ผิดปกติ (Metabolic syndromes) ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง จุลินทรีย์ในลำไส้เสียสมดุล เหล่านี้เป็นต้น ร่างกายจะมีการหลั่งไซโตไคน์ที่ก่อการอักเสบออกมาเป็นระยะเวลานาน เกิดเป็นการอักเสบเรื้อรังตามมา เกิดการทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ โรคภูมิคุ้มกันแปรปรวน รวมทั้ง มะเร็ง
กรณีที่ไซโตไคน์บางชนิดน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อการทำงานของบางระบบของร่างกายได้
การตรวจประเมินระดับและชนิดของไซโตไคน์ (Cytokine panel test)
เป็นการตวจเลือดเพื่อวัดระดับไซโตไคน์ที่ก่อการอักเสบ (pro-inflammatory cytokine) และระดับไซโตไคน์ที่ช่วยต้านการอักเสบ (anti-inflammatory cytokine) ว่ามีระดับสมดุลดีหรือไม่ รวมทั้งไซโตไคน์ที่มีฤทธิ์ต่อต้าน หรือกระตุ้น/ส่งเสริมเซลล์มะเร็ง
ไซโตไคน์ที่สำคัญ 12 ชนิด ที่ตรวจได้จากเลือด ได้แก่
ชนิดไซโตไคน์ | ลักษณะสำคัญ |
1.IL-1ꞵ (Interleukin 1 beta) |
|
2.IL-2 (Interleukin 2) | เป็นไซโตไคน์ที่กระตุ้นการทำงานของ
ผลคือ ก่อให้เกิดการต่อต้านเซลล์มะเร็ง ไซโตไคน์ชนิดนี้ บ่งบอกถึง ระดับภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง |
3.IL-4 (Interleukin 4) | เป็นไซโตไคน์ที่สำคัญในการต่อต้านการอักเสบ (anti-inflammatory cytokine) ระดับ IL-4 ที่สูงมากเกินไปอาจกดภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการทำงานของภูมิคุ้มกันที่ต่อต้านเซลล์มะเร็ง |
4.IL-5 (Interleukin 5) | เป็นไซโตไคน์ที่เฉพาะเจาะจงกับโรคหอบหืด มักจะมีระดับที่สูงขึ้นในกรณีที่อาการหอบหืดกำเริบ ไซโตไคน์ชนิดนี้กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาว eosinophil แบ่งเซลล์ เพิ่มจำนวนมากขึ้น และวิ่งไปยังบริเวณที่มีการอักเสบ |
5.IL-6 (Interleukin 6) |
|
6.IL-8 (Interleukin 8) |
|
7.IL-10 (Interleukin 10) |
|
8.IL-12p70 (Interleukin-12p 70) |
|
9.IL-17 (Interleukin-17) |
|
10.TNF-𝛼 (Tumor Necrotic Factor alpha) |
|
11.IFN-𝜸 (Interferon gamma) |
|
12.IFN-𝛼 (Interferon alpha) |
|
ประโยชน์ของการตรวจประเมินระดับและชนิดของไซโตไคน์ (Cytokine panel test)
ในผู้ป่วยจากโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของร่างกาย เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเองชนิดต่าง ๆ โรคติดเชื้อ โรคสมองเสื่อม และ มะเร็ง เป็นต้น
ผลจากการตรวจประเมินระดับและชนิดของไซโตไคน์ (Cytokine panel test) สามารถนำมาใช้ในการช่วยวินิจฉัย เลือกใช้ยาที่ช่วยปรับเปลี่ยนไซโตไคน์ชนิดต่างๆให้เข้าสู่สมดุล และติดตามการรักษา ช่วยในการปรับยา และวางแผนการรักษาเสริมอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ควบคุมโรคได้ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและป้องกันโรค การตรวจประเมินระดับและชนิดของไซโตไคน์ (Cytokine panel test) จะช่วยประเมินภาวะการอักเสบของร่างกายได้จำเพาะมากขึ้น ช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคติดเชื้อเรื้อรัง มะเร็ง รวมทั้งใช้ติดตามผลการรักษา เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้ดียิ่งขึ้น
- Hughes CE, Nibbs RJB. A guide to chemokines and their receptors (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6120486/). FEBS J. 2018;285(16):2944-2971. Accessed 1/3/2023.
- Khanna NR, Gerriets V. Interferon (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK555932/?report=reader). 2022 Jul 12. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island, FL: StatPearls Publishing; 2022 Jan-. Accessed 1/3/2023.
- Shi J, Fan J, Su Q, Yang Z. Cytokines and abnormal glucose and lipid metabolism (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/31736870/). Front Endocrinol (Lausanne). 2019;10:703. Published 2019 Oct 30. Accessed 1/3/2023.
- Joseph M. Cicches, Stephanie Evans.et al.Dynamic balance of pro- and anti-inflammatory signals controls disease and limits pathology. Immunol Rev. 2018 September ; 285(1): 147–167.