มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ( Colorectal Cancer ) เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ผิดปกติที่เจริญเติบโตในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก ลำไส้ใหญ่เป็นอวัยวะในระบบทางเดินอาหารที่อยู่ถัดจากกระเพาะอาหาร ทำหน้าที่ดูดซึมน้ำและเกลือแร่จากอาหารที่ย่อยแล้ว ส่วนทวารหนักเป็นอวัยวะที่อยู่ปลายสุดของระบบทางเดินอาหาร ทำหน้าที่ขับถ่ายอุจจาระ
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับที่ 3 ในผู้ชาย และอันดับที่ 4 ในผู้หญิง โดยพบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย
ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ยังระบุสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักยังไม่แน่ชัดนัก แต่เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่
- อายุที่มากขึ้น
- ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
- ภาวะลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง
- โรคริดสีดวงทวารหนัก
- รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เนื้อแดงมาก ผักและผลไม้น้อย
- ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เป็นต้น
สำหรับแนวทางการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน ( Conventional Medicine ) ประกอบด้วย 3 วิธีหลัก ได้แก่ การผ่าตัด รังสีรักษา และเคมีบำบัด หรือการรักษาร่วมกันโดยจะขึ้นอยู่กับระยะของโรค ความพร้อมของร่างกายผู้ป่วย และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
วิธีที่ 1 การผ่าตัด ถือว่าเป็นการรักษาหลักของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยการผ่าตัดเอาลำไส้ส่วนที่เป็นโรคและต่อมน้ำเหลืองออกไป หากมะเร็งลุกลามมากหรือมะเร็งของลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่อยู่ติดกับทวารหนัก การผ่าตัดอาจมีความจำเป็นต้องทำทวารเทียมโดยนำปลายลำไส้ส่วนที่เหลืออยู่เปิดออกทางหน้าท้องเป็นทางให้อุจจาระระบายออก
วิธีที่ 2 รังสีรักษา ใช้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยอาจใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือเคมีบำบัด รังสีรักษาอาจใช้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่หลังการผ่าตัดหรือเพื่อลดขนาดของเนื้องอกก่อนการผ่าตัด
วิธีที่ 3 เคมีบำบัด โดยการใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยอาจใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือรังสีรักษา เคมีบำบัดอาจใช้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่หลังการผ่าตัดหรือเพื่อลดขนาดของเนื้องอกก่อนการผ่าตัด
นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยการใช้ยามุ่งเป้า ( Targeted therapy ) อาจใช้ร่วมกับการผ่าตัด รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด ยามุ่งเป้าเป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็ง ทำให้มีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัดทั่วไป
แนวทางการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในแต่ละระยะ มีดังนี้
- ระยะที่ 1 มะเร็งอยู่ในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนักเท่านั้น การรักษาที่ดีที่สุดคือการผ่าตัด
- ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามไปถึงเยื่อบุชั้นใต้ผิวของลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก การรักษาที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดร่วมกับรังสีรักษาหรือเคมีบำบัด
- ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปถึงกล้ามเนื้อเยื่อบุลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก การรักษาที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดร่วมกับรังสีรักษาหรือเคมีบำบัด
- ระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นในร่างกาย การรักษาที่ดีที่สุดคือเคมีบำบัดร่วมกับรังสีรักษาหรือยามุ่งเป้า
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจำแนกตามวิธีการรักษา ได้แก่
- การผ่าตัด: อาการปวดแผลผ่าตัด ติดเชื้อ แผลแยก ลำไส้รั่ว ท้องผูก ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
- รังสีรักษา: อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อาการท้องร่วง ผิวหนังอักเสบ อาการปวดหลัง อาการปวดท้อง
- เคมีบำบัด: อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ปากแห้ง ท้องเสีย ภาวะโลหิตจาง ตับอักเสบ ภาวะไตวาย
ซึ่งอาการดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ป่วยบางรายทนต่อผลข้างเคียงจากการรักษาไม่ไหว ทำให้เข้ารับการรักษาไม่ครบหรือขอปฏิเสธการรักษาไป และแนวทางการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันพบว่าโอกาสหายขาดจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักขึ้นอยู่กับระยะของโรค โดยทั่วไปโอกาสหายขาดจะเพิ่มมากขึ้นหากพบโรคในระยะแรก
- ระยะที่ 1 มะเร็งอยู่ในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนักเท่านั้น โอกาสหายขาดมากกว่า 90%
- ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามไปถึงเยื่อบุชั้นใต้ผิวของลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก โอกาสหายขาดประมาณ 80%
- ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปถึงกล้ามเนื้อเยื่อบุลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก โอกาสหายขาดประมาณ 60%
- ระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นในร่างกาย โอกาสหายขาดประมาณ 10%
ดังนั้น หากสามารถตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในระยะแรกได้ โอกาสหายขาดก็จะสูงขึ้น และนอกจากระยะของโรคแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อโอกาสหายของโรคยังมีปัจจัยด้านอื่น ๆ ได้แก่
- ปัจจัยด้านอายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
- ชนิดของเซลล์มะเร็งที่พบ
- ระดับการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง
ในปัจจุบันนอกจากการรักษาด้วยแผนแพทย์ปัจจุบันแล้ว อีกหนึ่งแนวทางการรักษาร่วมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยให้ดีขึ้น คือการแพทย์แบบบูรณาการ ( Integrative Medicine ) เป็นแนวทางการรักษาที่ผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบันกับการแพทย์ทางเลือกเข้าด้วยกัน โดยมุ่งเน้นที่การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักร่วมกับการแพทย์แบบบูรณาการ อาจรวมถึงแนวทางการรักษาดังต่อไปนี้
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นเดียวกับแนวทางการรักษาแบบแผนปัจจุบัน ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซ้ำ เช่น รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เนื้อแดงมาก ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
- การแพทย์ทางเลือก การแพทย์ทางเลือกที่อาจใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ได้แก่ สมุนไพรและอาหารเสริม เช่น ขมิ้นชัน ชาเขียว เห็ดหลินจือ เป็นต้น
- การรักษาด้วยพลังงาน เช่น การฝังเข็ม การนวดบำบัด เป็นต้น
- การรักษาด้วยจิตวิทยา เช่น การทำสมาธิ การฝึกสติ เป็นต้น
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักด้วยการแพทย์บูรณาการมีส่วนช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ ดังนี้
- บรรเทาอาการการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวด คลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อยล้า ท้องผูก ท้องเสีย เป็นต้น การแพทย์แบบบูรณาการอาจช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ เช่น การใช้สมุนไพรและอาหารเสริม การรักษาด้วยพลังงาน การรักษาด้วยจิตวิทยา เป็นต้น
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลง การแพทย์แบบบูรณาการมีส่วยช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เช่น การใช้วิตามินและสารอาหารบำบัด ยกตัวอย่างเช่น การให้วิตามินซีขนาดสูงทางหลอดเลือดดำ ( Intravenous High dose Vitamin C ) เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วยยามุ่งเป้า ( Targeted Therapy ) หรือเคมีบำบัด การให้สารสกัดพฤกษเคมีทางหลอดเลือด จะช่วยเสริมฤทธิ์ให้การรักษาหลักออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น และตรงจุดมากขึ้น การใช้สมุนไพร เช่น เห็ดทางการแพทย์ การรักษาด้วยพลังงาน เป็นต้น
การศึกษาวิจัยบางชิ้นพบว่าการแพทย์แบบบูรณาการอาจช่วยบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- การศึกษาวิจัยพบว่าสมุนไพรและสารเสริมอาหารบางชนิด เช่น ขมิ้นชัน ชาเขียว เห็ดหลินจือ เป็นต้น ช่วยบรรเทาอาการปวด คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักด้วยแนวทางหลัก
- การศึกษาวิจัยพบว่าการรักษาด้วยพลังงาน เช่น การฝังเข็ม การนวดบำบัด เป็นต้น ช่วยบรรเทาอาการปวด คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
- การศึกษาวิจัยพบว่าการรักษาด้วยจิตวิทยา เช่น การทำสมาธิ การฝึกสติ เป็นต้น อาจช่วยลดความเครียด ปรับปรุงอารมณ์ และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
- https://www.cancer.org/cancer/types/colon-rectal-cancer.html
- https://www.cancer.gov/types/colorectal/hp
- https://www.cancer.org/cancer/types/colon-rectal-cancer/detection-diagnosis-
- staging/staged.html
- Feng Wang , Ming-Ming He, Zi-Xian Wang, Su Li, Ying Jin (2019). Phase I study of high-dose ascorbic acid with mFOLFOX6 or FOLFIRI in patients with metastatic colorectal cancer or
- gastric cancer. BMC Cancer.
- Myrna Brind Center of Integrative Medicine (2006). The Integrative Medicine Approach to
- Colorectal Cancer.