สารสกัดเปลือกแอปริคอทเข้มข้น

(Amigdalin)

วิตามินบี 17 หรือเรียกอีกชื่อว่า อะมิกดาลิน เป็นสารตามธรรมชาติที่พบในพืชบางชนิด เช่น เมล็ดอัลมอลด์ เมล็ดแอปปิคอต ซึ่งในเชิงการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด อะมิกดาลิน มีคุณสมบัติในการรักษามะเร็งตามธรรมชาติ มีประสิทธิภาพสูงและออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็ง ซึ่งโครงสร้างของอะมิกดาลินจะมีสารไซต์ยาไนต์ (Cyanide) ที่ไม่มีพิษ เพราะอยู่ในสภาวะที่ถูกล้อมรอบด้วยโมเลกุลของน้ำตาลทำให้พิษของสารไซต์ยาไนต์หายไป จึงไม่เป็นพิษกับเซลล์มนุษย์  ด้วยเซลล์มะเร็ง เป็นเซลล์ที่เกิดจากระบบเผาผลาญที่มีความผิดปกติ เซลล์มะเร็งจึงสร้างเอนไซม์ เบตากลูโคนิเดรส (Beta-glucuronidase) ซึ่งเป็นเสมือนตัวสำหรับตัดโมเลกุลของน้ำตาลเข้าสู่เซลล์มะเร็ง ดังนั้นเราจึงใช้อะมิกดาลินเป็นตัวล่อหลอก เมื่อเซลล์มะเร็งดึงอะมิกดาลินเข้าไปในเซลล์มะเร็ง จึงทำให้สารไซยาไนต์ที่แต่เดิมไม่เป็นพิษกับเซลล์ปกติ แต่เป็นพิษกับเซลล์มะเร็งส่งผลความเป็นพิษต่อไปที่เซลล์มะเร็ง

นอกจากโครงสร้างของอะมิกดาลินจะมีสารไซต์ยาไนต์แล้ว ยังมีสารเบนซิลดีไฮด์ (Benzaldehyde) ซึ่งเป็นสารแอลดีไฮด์ (Aldehyde) พบว่าจะไปจับกับคอเลสเตอรอลและไขมัน ทำให้สามารถซึมผ่านเข้าเซลล์ได้ทำให้ไปสกัดกระบวนการสร้างเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถดึงน้ำตาลไปเป็นอาหาร อีกทั้งยังสกัดการสร้างพลังงานของเซลล์มะเร็งทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอ เบนซิลดีไฮด์จึงมีฤทธิ์ในการฆ่ามะเร็ง

วิตามินบี 17 หรือเรียกอีกชื่อว่า อะมิกดาลิน เป็นสารตามธรรมชาติที่พบในพืชบางชนิด เช่น เมล็ดอัลมอลด์ เมล็ดแอปปิคอต ซึ่งในเชิงการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด อะมิกดาลิน มีคุณสมบัติในการรักษามะเร็งตามธรรมชาติ มีประสิทธิภาพสูงและออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็ง

อะมิกดาลิน ยังเกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับของโซเดียมและโพแทสเซียมที่เส้นประสาท จึงช่วยลดการชักนำสัญญาณไฟฟ้าของเส้นประสาทที่ถูกชักจูงด้วยเซลล์มะเร็ง เพราะสัญญาณไฟฟ้าที่เส้นประสาทของเซลล์มะเร็งโดยทั่วไปจะเป็นการนำสัญญาณความปวดจากก้อนมะเร็ง เพราะฉะนั้นเมื่ออะมิกดาลินสามารถสกัดกั้นการชักนำสัญญาณนี้ได้ ก็ย่อมช่วยลดความปวดจากมะเร็งได้อีกด้วย

นอกจาก อะมิกดาลินจะสกัดกั้นกลไกของโซเดียมและโพแทสเซียมที่เส้นประสาทแล้ว ยังมีผลกับการสังเคราะห์เมธฮีโมโกลบิน (Methemoglobin) ซึ่งมีผลช่วยในการควบคุมความปวด อะมิกดาลิน จึงไม่เพียงเป็นตัวทำลายมะเร็ง ยังมีคุณสมบัติสกัดกั้นไม่ให้เซลล์มะเร็งดึงน้ำตาลไปเป็นอาหารให้กับมะเร็ง พร้อมกับสามารถช่วยลดอาการปวดได้อีกด้วย และการบำบัดรักษาด้วยอะมิกดาลิน ยังไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลกับเซลล์ปกติ เพราะเซลล์ปกติดึงน้ำตาลไปเป็นอาหารน้อยกว่าเซลล์มะเร็งถึง 19 เท่า อะมิกดาลินจึงไม่ค่อยมีผลกับเซลล์ปกติ  อย่างไรก็ตาม การใช้อะมิกดาลินมีข้อควรระวัง คือ อาจทำให้การทำงานของต่อมฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำลง เพราะเมื่อเกิดไซยาไนต์จะส่งผลให้เกิดไทโอไซยาเนต (Thiocyanate) และมีผลกับไอโอดีนในต่อมไทรอยด์ ทำให้ต่อมฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานได้น้อยลง ดังนั้นคนไข้ที่มีปัญหาฮอร์โมนไทรอยด์ไม่แข็งแรง จำเป็นต้องบริโภคไอโอดีน รับประทานอาหารที่มีไอโอดีนเพิ่ม อย่างสาหร่าย และตรวจติดตาม พร้อมทั้งอาจต้องมีการเติมฮอร์โมนไทรอยด์ทุก ๆ ครั้ง ที่มีการรักษาด้วยอะมิกดาลิน