ในยุคปัจจุบันนี้ที่แนวทางการรักษามะเร็งเปิดกว้างให้คนไข้สามารถมีทางเลือกเสริมอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม ดนตรีบำบัด หรืออื่น ๆ อาจจะทำให้ใครหลายคนเคยได้ยินคำว่า Naturopathic Medicine มาบ้าง ซึ่งคำ ๆ นี้มีคำแปลในภาษาไทยคือ “ธรรมชาติบำบัด”

ซึ่งเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการรักษามะเร็งที่เป็นการแพทย์แผนปัจจุบันช่วยให้คนไข้มะเร็งมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับการรักษาสมัยก่อน ด้วยบทบาทที่สำคัญดังต่อไปนี้

บทบาทของธรรมชาติบำบัดโดยทั่วไปสำหรับคนไข้มะเร็ง

1. ป้องกันการเกิดมะเร็งและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง

2. ส่งเสริมการตรวจคัดกรองตามมาตรฐานทางการแพทย์และให้การวินิจฉัยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

3. ช่วยส่งเสริมสุขภาพคนไข้ในระหว่างที่ได้รับการรักษามะเร็ง

4. ฟื้นฟูสุขภาพคนไข้หลังการรักษามะเร็ง

5. ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง

ในแนวทางของธรรมชาติบำบัดย่อมให้ความสำคัญของการป้องกันการเกิดโรคมากกว่าการรักษา สำหรับโรคมะเร็งนั้น สาเหตุของการเกิดสามารถแบ่งให้เข้าใจง่าย ๆ ได้เป็น 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายในด้านพันธุกรรม และปัจจัยภายนอกที่มาจากสิ่งแวดล้อม โดยพบว่ามากกว่า 50% ของปัจจัยทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยที่มาจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งการให้การดูแลด้านธรรมชาติบำบัด คือการลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ที่เกิดจากการดำเนินชีวิตที่ทำให้สุขภาพเสื่อมถอย (Lifestyle-based risk factors) และการใช้วิธีธรรมชาติที่จะลดปัจจัยซึ่งส่งผลกระทบต่อพันธุกรรม เช่น ในเพศหญิงที่ตรวจพบทางพันธุกรรมว่ามีความผิดปกติมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม BRCA คนไข้กลุ่มนี้ในทางหากควบคุมน้ำหนักให้ดีในช่วงอายุ 18-30 ปี จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดเซลล์ผิดปกติที่เต้านมในช่วงอายุ 30-40 ปีได้เกือบ 65%

เป้าหมายการดูแลคนไข้แบบบูรณาการในช่วงที่คนไข้ได้รับการรักษามะเร็งแบบแพทย์แผนปัจจุบัน

ให้การดูแลส่งเสริมการทานอาหารและสารอาหารที่เพียงพอในแนวของธรรมชาติบำบัด

ช่วยให้เกิดการหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

ลดภาวะการเกิดการกระจายของเซลล์มะเร็ง

ช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาแบบแผนปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นจากการผ่าตัด ฉายแสงหรือให้เคมีบำบัด

ส่งเสริมการรักษาแผนปัจจุบันให้เกิดการทำลายและขจัดเซลล์มะเร็งให้ได้มากที่สุดในร่างกาย

ส่งเสริมให้มีการฟื้นตัวของเซลล์ปกติ

ลดปัจจัยที่ทำให้เซลล์มะเร็งมีการแบ่งตัว ได้แก่ ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ปรับสมดุลของฮอร์โมนให้เหมาะสมกับร่างกายขณะนั้น

ใช้แนวทางธรรมชาติบำบัดไม่ว่าจะเป็นสารจากอาหาร หรือสารสกัดจากพืชบางชนิดมาช่วยเพื่อยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

สนับสนุนให้ภูมิคุ้มกันมีความแข็งแรง

สนับสนุนให้มีแนวความคิดที่เป็นบวกในแง่ของการมีสุขภาพที่ดี (Healthy lifestyle)

สนับสนุนให้มีการเฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำของโรคอย่างเหมาะสม

การรักษาแนวทางธรรมชาติบำบัดที่ได้รับความสนใจจากคนไข้มากที่สุดในขณะนี้ คือ แนวการรักษาเสริมกับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบันทั้งระหว่างการผ่าตัด การฉายแสง หรือการให้เคมีบำบัด คนไข้อาจจะมีร่างกายที่อ่อนแอลง ไม่มีแรงที่จะลุกมาทำกิจวัตรประจำวัน ทานอาหารได้น้อยลง รวมถึงมีผลข้างเคียงอื่น ๆ จากการรักษาและจากโรค คนไข้กลุ่มนี้ควรได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ (Aggressive support) เพื่อให้คนไข้ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ฟื้นตัวได้เร็ว และสามารถผ่านการรักษาทั้งหมดไปได้โดยมีผลข้างเคียงน้อย ที่เราเรียกในภาษาอังกฤษว่า Naturopathic medicine support for surgery, radiotherapy or chemotherapy

Share