สิ่งแรกที่ผู้ป่วยทุกคนควรพิจารณาแม้ว่าจิตใจจะเศร้าและแสนทุกข์ขนาดไหนก็ตาม ต้องรู้ว่า “กำลังใจ” คือพลังสำคัญในการรักษาต่อ ล้มแล้วต้องลุก ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง หมอเพียงแค่ทำหน้าที่นำสิ่งที่ฆ่าเซลล์มะเร็งมาให้ แต่การจะหายขาดนั้น ตัวเราต้องเป็นผู้นำในการรักษา ดังนั้นบอกตัวเองเสมอว่าเมื่อเป็นซ้ำได้ก็หายได้ การบอกตัวเองว่า “นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรก  เราเคยผ่านมันมาแล้วและเราทำได้ดี เมื่อเราต้องผ่านมันไปอีกครั้งเราก็ย่อมจะทำได้ดีอีกครั้ง” จะทำให้ผู้ป่วยไม่มัวแต่กังวลจนร่างกายทรุดโทรม

สิ่งต่อมาที่ควรพิจารณา คือ เราพลาดอะไรไปในระหว่างการรักษาครั้งแรกหรือไม่ แม้การรักษาในปัจจุบันจะช่วยผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่แล้ว  แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามะเร็งหลายชนิดก็กลับมาเป็นซ้ำ ยกตัวอย่างที่พบได้บ่อย ๆ คือมะเร็งเต้านม และ มะเร็งกลุ่มทางเดินอาหาร เพราะอะไร…ย้อนไปเมื่อวันที่เราถูกวินิจฉัยครั้งแรกว่าเราป่วยเป็นมะเร็ง มีสักกี่คนที่จะยอมรับว่าเราใช้ร่างกายหักโหมเกินไป เราไม่ได้ดูแลร่างกาย เราใช้ชีวิตเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง จนในที่สุดวันหนึ่งเราก็กลายเป็นผู้ป่วยมะเร็ง ส่วนมากแล้วหลังได้รับคำวินิจฉัยสิ่งที่ผู้ป่วยมองหาอันดับแรกคือวิธีรักษา  ทำอย่างไรจะหาย แต่ไม่ได้หันกลับไปมองว่ามันมาได้อย่างไร การใช้ชีวิตที่ผ่านมาทำให้ร่างกายเราเป็นแบบนี้หรือไม่   และหากในช่วงที่ได้รับการรักษาผู้ป่วยยังทำตัวเหมือนเดิม รวมถึงหลังจากการรักษาสิ้นสุด โดยไม่ได้ตระหนักที่จะเปลี่ยน Lifestyle หรือรูปแบบการดำเนินชีวิต  ใช้ชีวิตเหมือนที่เคยเป็นมาที่เป็นสาเหตุของมะเร็ง ย่อมเป็นธรรมดาที่เซลล์มะเร็งที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายจะกลับมาก่อโรคได้อีก การรักษาจึงเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แต่การเข้าใจถึงต้นเหตุย่อมเป็นการป้องกันที่ดีกว่า

สิ่งสามที่ควรพิจารณา จากทฤษฏีที่ว่าการกลับเป็นซ้ำเกิดจากมีจำนวนเซลล์มะเร็งปริมาณไม่มากเล็ดลอดจากการรักษาผู้ป่วยควรต้องทราบก่อนว่ามะเร็งที่เล็ดลอดการรักษาอย่างเคมีบำบัด และ การฉายแสงที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์สูงไปได้  ย่อมเป็นเซลล์มะเร็งที่มีความสามารถและฉลาดในการเอาตัวรอดมากกว่าเซลล์มะเร็งอื่น ๆ  ไม่ว่าจะมีการกลายพันธุ์อยู่ก่อนแล้ว หรือกลายพันธุ์ในระหว่างการรักษาจนทำให้การรักษาไม่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้

ดังนั้นเมื่อรู้ว่าหลังการรักษามะเร็งจบไปแล้ว จะไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่าจะไม่มีการกลับมาเป็นซ้ำ  เราก็ต้องป้องกันตนเอง เพราะการรักษาแพทย์แผนปัจจุบันไม่ได้มีการดูแลในส่วนนี้ที่จะตามหาว่าหลังจบการรักษาแล้วยังคงมีรอยโรคระดับเซลล์หลงเหลืออยู่ในร่างกายหรือไม่ เม็ดเลือดขาวในร่างกายเราเท่านั้นที่จะคอยลาดตระเวนและทำลายเซลล์ผิดปกติที่หลงเหลืออยู่  ดังนั้นการส่งเสริมให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงด้วยแนวทางต่าง  ๆ เช่น การปรับเปลี่ยน Lifestyle การพักผ่อน และการละลดความเครียด เพื่อส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาวและป้องกันมะเร็งไม่ให้กลับมา

Share