High dose Vitamin C

High dose vitamin C is also known as Megadose. It is administered through the intravenous route at a dosage of 25-75 grams. It is a form of targeted treatment that has been proven to eliminate cancerous cells for all cancer patients.

Studies have shown that cancerous cells differ from normal cells for the following reasons:

  • Unable to use oxygen to convert glucose into energy. 
  • Lack catalase enzyme and therefore cannot change hydrogen peroxide (H2O2) into water and oxygen.   

High-dosage Vitamin C (Megadose) will result in hydrogen peroxide as free radicals which are toxic to cancerous cells. Therefore, Megadose can destroy these cells without harming normal cells that contain catalase enzyme. It also strengthens the immune system of the body by increasing the lymphocyte white blood cell production. It reduces the spread of cancer to other parts of the body, killing the cancer-causing virus by accelerating the activity of white blood cells to feed on these cancer-causing parasites in the body.

High dose vitamin C is also known as Megadose. It is administered through the intravenous route at a dosage of 25-75 grams. It is a form of targeted treatment that has been proven to eliminate cancerous cells for all cancer patients.

Benefits

  • High-dosage Vitamin C prevented metastasis and the growth of cancerous cells for prostate cancer, pancreatic cancer, liver cancer, colorectal cancer, brain cancer and other types of cancer. 
  • The use of high-dosage Vitamin C in conjunction with certain types of chemotherapy and radiotherapy yielded greater efficacy than using chemotherapy alone to eliminate cancerous cells for ovarian cancer, pancreatic cancer and brain cancer. 
  • Helping to reduce the side effects of chemotherapy
  • Helping to increase the survival rates for cancer patients and improve their quality of life
  • Reduces the levels of copper and iron minerals in the body. (Copper is a stimulus to create blood vessels to feed cancer cells and iron stimulates the process of inflammation which supports cancer cells.
  • Acts as a pro-oxidant to induce free radicals that has a negative effect on cancer cells.

Side effects, risks and advice

The use of high-dosage Vitamin C has very few side-effects according to clinical studies. However, patients with glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency (G6PD Deficiency), are advised to avoid high-dosage Vitamin C as this may cause the red blood cells to rupture.

In addition, patients with kidney disease or kidney failure should also avoid this therapy as it may cause kidney stone disease. Apart from that, patients are normally advised to have approximately 1.5 – 2 liters of water each day during and after the Megadose therapy.

วิตามินซีเข้มข้นสูง

(High dose Vitamin C)

การให้วิตามินซีเข้มข้นสูงทางเส้นเลือด เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดขาวประเภท lymphocyte ,กำจัดสารอนุมูลอิสระในระดับเซลล์, ต้านเอ็นไซม์ Hyaluronidase ซึ่งทำหน้าที่ในการย่อยผนังที่หุ้มรอบก้อนมะเร็ง เพื่อลดการแพร่กระจายของมะเร็งไปส่วนอื่นๆ ของร่างกาย , ฆ่าไวรัสก่อมะเร็งโดยการเร่งการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มากินไวรัสก่อมะเร็งนี้ 

วิตามินซีปริมาณสูงที่ทางอคีซีส นำมาใช้ผ่านทางหลอดเลือดดำ เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าวิตามินซีที่มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น การออกฤทธิ์จะมีความหลากหลาย เช่น สามารถฆ่าเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งวิตามินซีในปริมาณสูงมาก ๆ ศึกษาและพบว่าสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ด้วย

วิตามินซีปริมาณสูงที่ทางอคีซีส นำมาใช้ผ่านทางหลอดเลือดดำ เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าวิตามินซีที่มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น การออกฤทธิ์จะมีความหลากหลาย

กลไกที่ทำให้วิตามินซีปริมาณสูงสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ เพราะถ้าเป็นวิตามินซีปริมาณต่ำจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ถ้าวิตามินซีปริมาณสูงมาก ๆ จะเป็นโปรออกซิแดนซ์ (Pro oxidant) หรือตัวเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระตัวใหม่ อาจจะเรียกว่าเป็น “พิษ” แต่คือพิษที่เล็กน้อย  และโปรออกซิแดนซ์นั้นจะมีการสร้างไฮโดรเจนโปรออกไซต์ (Hydrogen peroxide) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นอนุมูลอิสระ ซึ่งเซลล์ปกติจะมีเอนไซม์คาตาเลส (Caralase Enzyme) อยู่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนไฮโดรเจนโปรออกไซต์ให้กลับมาเป็นน้ำได้ จึงไม่เป็นปัญหากับเซลล์ปกติ แต่เซลล์ที่กลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งไม่ได้นำข้อมูลทั้งหมดของการสังเคราะห์เอนไซม์ในเซลล์มาด้วย จึงไม่มีการผลิตคาตาเลสออกมา เพราะฉะนั้นไฮโดรเจนโปรออกไซต์จึงเป็นพิษเฉพาะกับเซลล์มะเร็ง  นอกจากนี้ วิตามินซียังสามารถลดระดับแร่ธาตุทองแดงและธาตุเหล็ก เพราะทองแดงเป็นตัวกระตุ้นในการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงเซลล์มะเร็ง และธาตุเหล็กจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดกระบวนการอักเสบ และการอักเสบเป็นตัวสนับสนุนเซลล์มะเร็ง   ดังนั้นวิตามินซีจึงเป็นประโยชน์กับการรักษามะเร็งในด้านการปรับสมดุลของแร่ธาตุทองแดงและธาตุเหล็กวิตามินซีปริมาณสูง จึงเปรียบเสมือนเป็นเคมีบำบัดชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์เฉพาะในการทำลายเซลล์มะเร็ง

แม้การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการทำเคมี หรือ ฉายรังสี จะสามารถทำลายและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ แต่ขณะเดียวกันมันก็จะส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติของผู้ป่วยไปพร้อม ๆ กัน และถึงแม้ว่าเซลล์ปกติจะทนทานต่อการถูกทำลาย แต่ผลข้างเคียงก็ยังคงเป็นสิ่งที่มาคู่กันกับการรักษาเสมอ ซึ่งอาการจะมากหรือน้อยนั้นก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ด้วยเหตุนี้ในแนวทางการรักษามะเร็งแบบบูรณาการจึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีข้างต้น จึงได้หาแนวทางต่าง ๆ มาใช้ดูแล เพื่อลดการบาดเจ็บของเซลล์ปกติ ช่วยลดความทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียง และช่วยเสริมร่างกายของผู้ป่วยให้ต่อสู้กับการรุกรานของเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น ด้วย High dose Vitamin C หรือ วิตามินซีความเข้มข้นสูงทางเลือด เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ป่วย โดยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดขาวประเภท Lymphocyte ซึ่งทำหน้าที่ในการค้นหาและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้ามาสู่ร่างกายของผู้ป่วยมะเร็ง พร้อมกันนี้ วิตามินซีความเข้มข้นสูง ก็ยังมีส่วนช่วยลดการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังส่วนอื่น ๆ ในร่างกายของผู้ป่วยได้

และด้วยคุณประโยชน์ดังกล่าวมา จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกวิตามินซีความเข้มข้นสูง มาเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับการรักษากับเรา ทั้งนี้ก็เพื่อจุดมุ่งหมายหลักของเราที่อยากเห็นผู้ป่วยนั้นมีสุขภาพแข็งแรงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง

Share